ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ปิดฉากเส้นทางนักเตะอาชีพ 24 ปี
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หัวหอกจอมเก๋าชาวสวีเดนของทีม “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน ยอดทีมแห่งศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการแล้วด้วยวัย 41 ปี หลังค้าแข้งมาอย่างยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กำลังจะหมดสัญญากับ เอซี มิลาน สิ้นเดือนมิ.ย.นี้ และ “ปีศาจแดงดำ” ก็ได้ยืนยันแล้วว่าจะไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่กับอดีตดาวยิงทีมชาติสวีเดนออกไปอีก หลังถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานจนแทบไม่ได้ลงเล่นเลยในฤดูกาลนี้
กระทั่งล่าสุดเจ้าตัวได้ตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ดในพิธีอำลาสนามที่ เอซี มิลาน จัดให้หลังจบเกม เซเรีย อา นัดส่งท้ายซีซั่นที่ “รอสโซเนรี” เปิดรัง ซาน ซิโร ต้อน เวโรนา 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
“ผมมีความทรงจำมากมายกับที่นี่ ครั้งแรกที่ผมย้ายมาที่นี่พวกคุณได้มอบความสุขให้กับผม ครั้งที่ 2 พวกคุณมอบความรักให้กับผม ผมอยากขอบคุณครอบครัว และคนใกล้ชิดของผม สำหรับความอดทนของพวกเขา” ซลาตัน กล่าว
“ผมอยากขอบคุณครอบครัวที่ 2 ของผม เพื่อนร่วมทีม ผมอยากขอบคุณ สเตฟาโน ปิโอลี (โค้ช มิลาน) และทีมงานสำหรับความรับผิดชอบที่พวกคุณมอบให้ผม ผมขอขอบคุณโค้ชสำหรับโอกาส”
“แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมอยากขอบคุณแฟนบอลจากหัวใจ พวกคุณอ้าแขนต้อนรับผม ทำให้ผมรู้สึกว่าที่นี่คือบ้าน ผมจะเป็นแฟนบอลมิลานไปตลอดชีวิต ถึงเวลาที่ผมต้องกล่าวอำลาฟุตบอลแล้ว แต่ไม่ใช่การกล่าวลาพวกคุณ แล้วเจอกัน ขอให้พวกคุณโชคดี มิลาน จงเจริญ และลาก่อน” ดาวเตะสวีดิช กล่าว
สำหรับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับ มัลโม ทีมในลีกบ้านเกิดที่สวีเดน เมื่อปี 1999 ก่อนจะย้ายมาโชว์ฝีเท้ากับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในลีกดัตช์จนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเตะตาทีมใหญ่ในยุโรป
และหลังจากนั้นเป็นต้นมาเจ้าตัวก็เริ่มขีดเขียนประวัติศาสตร์ของตัวเองในลีกใหญ่ๆ ของยุโรป ไล่ตั้งแต่การย้ายมาอยู่กับ ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน, บาร์เซโลนา, เอซี มิลาน, ปารีส แซงต์ แชร์แม็ง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะย้ายไปอยู่ แอลเอ กาแล็กซี ในเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐอเมริกา และกลับมาปิดท้ายอาชีพค้าแข้งที่ เอซี มิลาน อีกครั้ง
ตลอดระยะเวลา 24 ปีในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ อิบราฮิโมวิช ลงสนามไปทั้งหมด 827 นัดในทุกรายการกับทุกสโมสร ทำไป 496 ประตู 204 แอสซิสต์ โดยประตูสุดท้ายในอาชีพที่เขาทำได้คือการยิงใส่ อูดิเนเซ ในกัลโช เซเรีย อา อิตาลี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2023
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ ecoitaly.net
